เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเพียงสองในสี่ทีม “บิ๊กโฟร์” ที่ผ่านเข้าสู่รอบห้า เอฟเอ คัพ อย่างแน่นอน ส่วนอาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ต้องแข่งซ้ำอีกหน หลังจากเสมอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทีมปืนใหญ่ไปเยือน คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาเมื่อปีที่แล้ว และเสมอไปด้วยสกอร์ 0-0 ในขณะที่ลิเวอร์พูลเสมอในบ้าน 1-1 กับทีมร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งพวกเขาเสมอกันเป็นหนที่สองแล้วในสัปดาห์นี้
ผลการแข่งขันระหว่างทีมเขต เมอร์ซี่ย์ไซด์ ส่งผลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดที่แชมป์เก่าจะต้อนรับเอฟเวอร์ตัน ทั้งยังมีแมทช์ที่ต้องเตะกับผู้ชนะระหว่างดาร์บี้ เคาน์ตี้ หรือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสท์ ในเอฟเอ คัพ รอบห้า
เอฟเวอร์ตัน สโมสรเก่าของ เวย์น รูนี่ย์ จะมาเยี่ยมโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันเสาร์ที่ 31 มกราคม ซึ่งยังไม่กำหนดเวลาเปิดเกม แทนจากตารางเดิมคือวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เนื่องจากทีมท็อฟฟี่ต้องแข่งซ้ำกับลิเวอร์พูลสำหรับเกม เอฟเอ คัพ ในวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์
การเปลี่ยนตารางการแข่งขันของเอฟเวอร์ตัน เป็นผลเนื่องจากการเลื่อนตารางที่จะพบกับ ปอร์ทสมัธ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
จากเดิมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องพบกับ ปอร์ทสมัธ ในวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องเตะรอบชิง คาร์ลิ่ง คัพ ในสุดสัปดาห์เดียวกัน คือวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม
สำหรับตารางแข่ง 8 นัดที่กำลังจะมาถึง มีดังต่อไปนี้
27 มกราคม – เวสท์ บรอม (เยือน – พรีเมียร์ ลีก)
31 มกราคม – เอฟเวอร์ตัน (เหย้า – พรีเมียร์ ลีก)
8 กุมภาพันธ์ – เวสท์ แฮม (เยือน – พรีเมียร์ ลีก)
14 กุมภาพันธ์ – ดาร์บี้ หรือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสท์ (เยือน – เอฟเอ คัพ)
17 กุมภาพันธ์ – ฟูแล่ม (เหย้า – พรีเมียร์ ลีก)
21 กุมภาพันธ์ – แบล็คเบิร์น (เหย้า – พรีเมียร์ ลีก)
24 กุมภาพันธ์ – อินเตอร์ มิลาน (เยือน – แชมเปี้ยนส์ ลีก)
1 มีนาคม – สเปอร์ส (นัดชิงชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ)
Opal